บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

นิพพานเห็นไม่ได้


บทความชุดนี้ ผมเคยเสนอใน gotoknow และมีปัญหาถกเถียงกันจำนวนหนึ่ง เมื่อนำมาเขียนใหม่ที่นี่ ผมจึงนำปัญหาที่เคยถกเถียงกันมารวมไว้ ณ ที่เดียวกัน เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ และเพื่อความสะดวกสำหรับผู้ที่จะศึกษาในภายภาคหน้า

มีผู้ใช้ชื่อว่า “ร่วมสนทนาธรรม” [IP: 202.29.62.252] 23 พฤษภาคม 2553 12:32 เข้ามาให้ความเห็น ดังนี้

ผมว่านิพพานนั้นไม่สามารถเห็นได้นะครับ ต้องรู้ระดับพระพุทธเจ้า หรือพระปัจเจกพุทธเจ้า

ส่วนพระอริยบุคคลก็หมายถึงกิเลสหมดแล้ว แต่เห็นนิพพานไม่ได้ มีแต่จิตทีสัมผัสได้ถึงนิพพาน จิตไม่มีอะไรปรุงแต่งได้อีกต่อไปแล้ว ไม่เกิดภพ เกิดชาติ ซึ่งก็ตรงกันกับ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้น มีอยู่

ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มี ในอายตนะนั้น

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่ง อายตนะนั้น ว่าเป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ

อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้ นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ

ดูสิ ขนาดอารมณ์ยังไม่มีเลย ทรงย้ำว่า นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯก็คล้ายกับว่าดับกิเลสไม่เหลือนั่นเอง

แต่ไม่ใช่ธรรมกายไม่มีจริงนะ ผมเชื่อเลยว่าธรรมกายนั้นมีจริง  แต่จะถึงที่สุดแห่งทุกข์หรือไม่นั้นต้องรอการพิสูจน์ก่อนนะครับ

ผมได้ตอบคุณร่วมสนทนาธรรมไป ดังนี้ (12 ธันวาคม 2553 21:06)

เรียน คุณร่วมสนทนาธรรม [IP: 202.29.62.252]

คุณร่วมสนทนาธรรมเขียนไว้นานแล้ว ผมเพิ่งเห็นเพิ่งตอบ

คุณร่วมสนทนาธรรมไม่ได้เขียนถึงเรื่องของผมในบันทึกนี้ แต่ผมเห็นว่า มีประเด็นที่พอจะเสวนากันได้ จึงมาตอบ ไม่รู้จะได้เข้ามาอ่านอีกหรือเปล่า

ข้อเขียนแรกที่จะเสวนากัน คุณร่วมสนทนาธรรม เขียนไว้ดังนี้

ผมว่านิพพานนั้น ไม่สามารถเห็นได้นะครับ ต้องรู้ระดับพระพุทธเจ้า หรือพระปัจเจกพุทธเจ้า ส่วนพระอริยบุคคลก็หมายถึงกิเลสหมดแล้ว

แต่เห็นนิพพานไม่ได้ มีแต่จิตทีสัมผัสได้ถึงนิพพาน

นี่เป็นเรื่องอันตรายที่สุดที่พุทธศาสนิกชนไม่ค่อยเข้าใจ ในทางวิชาธรรมกาย เราสามารถเห็นนิพพานได้ เห็นพระพุทธเจ้าได้ ซักถามพระพุทธเจ้าได้ ซักถามพระอรหันต์สาวกได้ วิชาธรรมกาย กำหนดหลักสูตรไว้อย่างนี้

ผมสอนนักเรียน/นักศึกษา/ประชาชนเป็นเรือนแสนแล้ว มีคนทำได้จริงๆ ตามหลักสูตร

คุณร่วมสนทนาธรรมอยู่สายไหนล่ะ คุณจะมาวิพากษ์สายธรรมกายได้อย่างไร มันผิดหลักวิชาการ

เอาวิทยาศาสตร์ด้วยกันก็ได้ ทฤษฎีเก่าๆ ตั้งแต่รุ่นนิวตัน ยังเอามาวิพากษ์วิจารณ์ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ไม่ได้เลย

อีกประการหนึ่งในทางตรรกวิทยา ซึ่งเป็นวิชาการเหมือนกัน ถ้าคุณไม่ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมตามสายวิชาธรรมกายอย่างเชี่ยวชาญและลึกซึ้ง คุณไม่สามารถจะมาวิพากษ์วิจารณ์วิชาธรรมกายได้ เพราะ คุณไม่มีความรู้ในเรื่องนี้

ดังนั้น ที่คุณว่านิพพานไม่สามารถเห็นได้ มันก็เป็นความเชื่อของคุณ ผมไม่มีความเห็น แต่ในฐานะที่เป็นวิทยากรสอนวิชาธรรมกาย นิพพานเห็นได้ สัมผัสได้

อีกข้อความหนึ่ง คุณยกพุทธพจน์ ดังนี้

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้น มีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มี ในอายตนะนั้น

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่ง อายตนะนั้น ว่าเป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้ นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ

คุณร่วมสนทนาธรรมสรุปว่า "ดูสิ ขนาดอารมณ์ยังไม่มีเลย" คุณมั่วหรือเปล่า ในพุทธพจน์ที่คุณยกมานั้น มีคำว่า "หาอารมณ์มิได้" อารมณ์ของคุณมันคืออะไร ตรงกับอารมณ์ที่พระพุทธเจ้าหมายถึงหรือเปล่า

คำว่า "อารมณ์" ที่ในพระไตรปิฎก กับ "อารมณ์" ที่เป็นภาษาไทยแล้ว ความหมายไม่เหมือนกันนะคุณ

สุดท้ายคุณเขียนว่า

ผมเชื่อเลยว่าธรรมกายนั้นมีจริง แต่จะถึงที่สุดแห่งทุกข์หรือไม่นั้นต้องรอการพิสูจน์ก่อนนะครับ

นี่ก็แสดงว่า คุณไม่อ่านหนังสือของวิชชาธรรมกายอย่างครบถ้วน

วิชาธรรมกายมีหลักสูตรสอนถึงการบรรลุมรรคผลนิพพาน ว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไร

แต่การเห็นการธรรมพระอรหัต แล้วกายธรรมพระอรหัตถูกอายตนนิพพานดึงดูดขั้นไปบนนิพพาน ไม่ได้หมายความว่า เราบรรลุพระอรหันต์แล้ว เป็นเพียงการหมดกิเลสชั่วคราวเท่านั้น เลิกนั่งสมาธิก็กลับมาเป็นคนเดิม..



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น