บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

นิพพานแบบอนัตตา


คุณเบ็นจี้ที่เข้ามาให้ความเห็นในบทความ “ดอกเตอร์เกาะรั้วจบ” ยังตื้อไม่ยอมเลิก เข้ามาอีกครั้งดังนี้ (Benji2007 [IP: 203.107.236.92] 10 พฤษภาคม 2554 09:48)

เรียนคุณดอกเตอร์ภาษาศาสตร์

ดิฉันคงไม่อยากโต้ตอบหรือเถียงกับคุณ แต่สิ่งที่คุณแสดงไม่ว่าจะเป็นวจีกรรม มโนกรรม ทุกคนที่ได้อ่านก็คงรู้แล้วละคะว่าอะไรเป็นของจริง ดิฉันถือว่าการให้ที่ยิ่งใหญ่และประเสริฐที่สุดคือการให้อภัยค่ะ

ดังนั้นดิฉันให้อภัยคุณคะไม่อยากจะโกรธ และถือโทษคุณค่ะ เพราะเดี๋ยวทำให้ใจเป็นทุกข์เปล่าๆ ก็คงได้แต่แผ่เมตตาให้คุณพบสัจธรรมเร็วๆ จะได้มีดวงตาเห็นธรรม และมีสัมมาทิฏฐิเร็วๆ เพราะเท่าที่คุณทำมาก็ถือว่าได้สร้างบาปกรรมมามากแล้ว

ไม่สังเกตุหรือค่ะ ว่าที่คุณเขียนไปมีคนที่ชื่นชมหรือวิจารณ์ คุณมากแค่ไหน ดิฉันไม่จำเป็นต้องอวดฉลาดหรอกค่ะ

คุณศึกษาแค่ภาษาศาสตร์ จึงใช้หลักการของคุณตีความหมายของคำว่านิพพาน แต่ไม่ได้ศึกษาหลักพระพุทธศาสนาจริงๆ จึงคงยังไม่เข้าใจ แก่นแท้ของหลักพระพุทธศาสนา

ยังงัยรบกวนกลับไปศึกษาพระพุทธศาสนาเพิ่มเติม โดยทั้งภาคปฏิบัติ ปริยัติ ให้เข้าใจอย่างท่องแท้ลึกซึ้งด้วยนะคะ เพราะเดี๋ยวคนที่เขาเชี่ยวชาญและจบทางด้านนี้มาตรงๆ มาอ่านเห็นที่คุณเขียนจะพากันตกใจว่า ใครนะช่างเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาถ่ายทอดผิดๆแบบนี้

รบกวนไปเรียนให้ได้ปริญญาเอกทางด้านพระพุทธศาสนาอีกใบก่อนนะคะ จะได้เข้าใจธรรมะมากขึ้น

ส่วนดิฉันอาจจะไม่เก่งเท่าคุณแต่ก็ไม่เคยกล่าววาจาว่าร้ายคนอื่นแรงๆ แบบคุณคะ เพราะมีสติพอค่ะ และคนที่เป็นพระอรหันต์เท่าที่เคยศึกษาพระพุทธศาสนามาก็ไม่เห็นมีความจำเป็นว่าจะต้องจบถึงปริญญาเอกเลยก็สามารถบรรลุได้

เพียงแต่เขาดำเนินตามหลักมรรค 8 ( ศีล สมาธิ ปัญญา ) ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าก็คงบรรลุนิพพานแบบอนัตตาได้ค่ะ

คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าดิฉันเรียนจบที่ใดแต่ก็ไม่ใช่พวกจ่ายครบจบแน่อย่างแน่นอนค่ะ และความรู้ในโลกนี้ต่อให้คุณศึกษาความรู้ทางโลกตั้งมากมาย แต่ภายในจิตใจของคุณเอง คุณไม่เคยเข้าใจตัวเองหรือเรียนรู้ศึกษาจิตใจของคุณเลย ก็อยากที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ค่ะ

เรียนแทบตายก็ไร้ปัญญาที่จะไปเอาชนะกิเลศได้ค่ะ ดิฉันจบปริญญาเอกเหมือนกัน แต่คุณภาพเท่าคุณหรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบคะ เพราะยังไม่เคยวัดคะ และไม่สนใจที่จะแข่งขันด้วยค่ะ

เพราะไม่มีสาระแก่นสารในชีวิต ถ้าจะแข่งกันน่าจะแข่งกันที่การทำความดี ละเว้นความชั่ว ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้หลุดพ้นจากความทุกข์ดีกว่าค่ะ เพราะจะเป็นประโยชน์มากกว่า

" บุคคลควรเห็นผู้มีปัญญา ที่คอยกล่าวคำขนาบ ชี้โทษของเราให้เห็น ว่าเป็นดุจผู้ชี้บอกขุมทรัพย์ให้ ควรคบกับบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อคบแล้ว ย่อมมีแต่ดีฝ่ายเดียว ไม่มีเลวเลย

จาก..ดิฉัน..ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานค่ะ

เหยื่อพลาดพลั้งเสียแล้ว ออกตัวเสียแล้ว ผมก็ตอบไปดังนี้ (10 พฤษภาคม 2554 14:31)

อ้าว ..Benji2007.. ไปไม่เป็นเสียแล้ว

อยากจะหัวเราะให้ฟันโยกไปทั้งปาก  มีความสุขจริงๆ วันนี้..

1) คุณไม่ต้องมาให้อภัยผมเลย  ผมไม่เคยขอโทษคุณ  ผมเยาะเย้ยในความโง่ของคุณอีกต่างหาก ที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ

คนที่จบปริญญาเอกที่มีคุณภาพนั้น  เขาจะเขียนอะไรออกมาสู่สาธารณะนั้น คิดแล้ว คิดอีก  คุณมันมั่วจนไม่รู้จะมั่วอย่างไรแล้ว

หาว่า ผมสอนจนทำให้คนของประเทศมีกิเลส ตัณหา ราคะ ฯลฯ ยกตัวอย่างที่คุณเขียนใหม่ก็ได้

ที่คุณกล่าวมาดิฉันเห็นว่าเพราะคุณสอนลูกศิษย์แบบนี้ประเทศชาติ และโลกนี้จึงเต็มไปด้วยมนุษย์ที่มีแต่ กิเลส ตัณหา ราคะ มีแต่มนุษย์ที่มีอวิชชา ไม่รู้ความดี ความชั่ว ถูก-ผิด ไม่สามารถหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสาร ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด กันอยู่นี้งัยคะ

ผมสอนให้เด็กปฏิบัติธรรมก็คือ สอนให้เด็กนั่งสมาธิ  การนั่งสมาธิของพุทธเถรวาท มีหนังสือเล่มนั้นบ้าง ที่บอกว่า ผลออกมาจะทำให้มี "กิเลส ตัณหา ราคะ"

จบมาจากที่ไหนหนอนี่.....

มั่วสุดๆ มั่วยิ่งกว่าไชยบูลย์อีก  ไชยบูลย์เพียงแค่เอาสวรรค์มาล่อเท่านั้น  มั่วแบบไม่เคยพบเคยเห็นเลย

2) ตรงนี้ก็แสดงความโง่ออกมาอีกแล้ว

เพราะเท่าที่คุณทำมาก็ถือว่าได้สร้างบาปกรรมมามากแล้ว ไม่สังเกตุหรือค่ะ ว่าที่คุณเขียนไปมีคนที่ชื่นชมหรือวิจารณ์ คุณมากแค่ไหน [สังเกตไม่ต้องมีสระอุ]

ตรงนี้โง่อย่างไร  คุณจะมาวัดการสร้างบาปกรรมตรงที่ มีคนชื่นชมหรือวิพากษ์วิจารณ์หรือ โอ๊ย....โอย...อุ๊ยตาย.. ว้ายกรี๊ด......... นี่หรือจบปริญญาเอก

อาจารย์เขาไม่เคยสอนหรือไง  ของอย่างนี้มันต้องว่ากันตามหลักวิชาการ ตามหลักเหตุผล  ไม่ใช่ประกวด AF นะคุณ

แล้วผมยังสงสัยว่า คุณไปอ่านหนังสือเล่มไหนมา ที่ว่า การที่ผมไปสอนปฏิบัติธรรมนักเรียน เป็นการสร้างเวรกรรม

3) วิพากษ์ต่อไป

ดิฉันไม่จำเป็นต้องอวดฉลาดหรอกค่ะ คุณศึกษาแค่ภาษาศาสตร์ จึงใช้หลักการของคุณตีความหมายของคำว่านิพพาน แต่ไม่ได้ศึกษาหลักพระพุทธศาสนาจริงๆ จึงคงยังไม่เข้าใจ แก่นแท้ของหลักพระพุทธศาสนา ยังงัยรบกวนกลับไปศึกษาพระพุทธศาสนาเพิ่มเติม โดยทั้งภาคปฏิบัติ ปริยัติ ให้เข้าใจอย่างท่องแท้ลึกซึ้งด้วยนะคะ

อย่างคุณนี่ เขาไม่เรียกอวดฉลาดหรอก เขาเรียกว่า "อวดความโง่"  ผมเขียนบันทึกในบล็อกนี้ไป ถ้ารวบรวมเป็นหนังสือก็หลายเล่มแล้ว

คุณอ่านครบหรือยัง... คุณไม่อ่านแล้วคุณจะมามั่วนิ่มอย่างโน้นอย่างนี้ คนอ่านบล็อกนี้ เขาไม่ได้โง่เหมือนคุณนะ

4) วิพากษ์ต่อไป

ส่วนดิฉันอาจจะไม่เก่งเท่าคุณแต่ก็ไม่เคยกล่าววาจาว่าร้ายคนอื่นแรงๆ แบบคุณคะ เพราะมีสติพอค่ะ และคนที่เป็นพระอรหันต์เท่าที่เคยศึกษาพระพุทธศาสนามาก็ไม่เห็นมีความจำเป็นว่าจะต้องจบถึงปริญญาเอกเลยก็สามารถบรรลุได้ เพียงแต่เขาดำเนินตามหลักมรรค 8 ( ศีล สมาธิ ปัญญา )

ตรงนี้คุณจะมั่วไปถึงไหน  คุณน่ะไม่เก่งเท่าผมแน่ๆ เก่งจริงคุณก็ไปเขียนบล็อกของคุณเอง ไม่ต้องให้ผมเสียดสีอยู่อย่างนี้หรอก  อันนี้ชัดเจน

แต่คุณยกตัวอย่างอะไรของคุณที่ว่า พระอรหันต์ไม่ต้องจบปริญญาเอก มั่วสิ้นดี  ยกตัวอย่างแบบนี้ไม่ได้

เราไม่รู้ว่า การศึกษาในสมัยที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศศาสนาอยู่นั้น สามารถเปรียบเทียบกับการศึกษาสมัยนี้ได้หรือไม่

พระอรหันต์หลายรูป ก็จบการศึกษาสูงสุดที่มีอยู่ในช่วงนั้น  ถ้านับกันจริงๆ อาจจะเป็นปริญญาเอกสมัยนี้ก็ได้

แต่อย่างไรก็ดี ตัวอย่างแบบนี้ ไม่ควรยกมาอธิบาย เพราะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ไม่ได้เข้ากับเนื้อหาที่กำลังถกเถียงกันอยู่เลย

4) วิพากษ์ต่อไป

ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าก็คงบรรลุนิพพานแบบอนัตตาได้ค่ะ

ผมก็ท้าไปแล้ว ไม่รู้กี่ครั้งกี่หน  คุณลองอธิบายซิว่า นิพพานเป็นนิจจัง-สุขัง-อนัตตาอย่างไร มั่วกันสิ้นดี

ศัพท์ของนิจจัง-สุขัง-อัตตากับอนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา เป็นการบรรยายลักษณะที่ตรงข้ามกัน  ยกตัวอย่างก็ได้

นิจจัง-สุขัง-อัตตา ก็เปรียบเสมือนกับ "สีขาว" ส่วน อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา ก็เปรียบเสมือนกับ "สีดำ"

นิพพานจะมีสีขาวและสีดำปนกันได้อย่างไร   มั่วสุดๆ

5) วิพากษ์ต่อไป

คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าดิฉันเรียนจบที่ใดแต่ก็ไม่ใช่พวกจ่ายครบจบแน่อย่างแน่นอนค่ะ

ผมเคยถามคุณหรือ "ว่าคุณจบที่ไหนมา"  หลงตัวเองนะนี่ ตัวเอง... ผมไม่ได้สนใจอะไรคุณเลย คุณ Benji2007  ผมเห็นคุณเป็นเหยื่อให้เขียนอะไรเล่นเท่านั้น

6) วิพากษ์ต่อไป

ดิฉันจบปริญญาเอกเหมือนกัน แต่คุณภาพเท่าคุณหรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบคะ

บอกอีกแล้ว...ตัวเอง  ทำไมต้องบอกหลายครั้งจัง  บอกครั้งเดียวก็จำได้แล้ว  ปริญญาเอกคุณภาพต่ำๆ แบบนี้ ไม่ค่อยมีหรอก

เป็นพันธุ์ที่หายาก พบเห็นครั้งหนึ่งก็จะไม่ลืมเลือน

7) สุดท้าย

จาก..ดิฉัน..ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานค่ะ

ระวังไปตื่นในอบายภูมินะคุณ  พวกที่เห็นว่า นิพพานเป็นนิจจัง-สุขัง-อนัตตานี่ ไม่สมควรไปสุขคติภูมิ..




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น