บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

พุทธทาสไม่ติดฝุ่นผม


ต่อไปมีสาวกของท่านพุทธทาสใช้ชื่อว่า “เสนอแนวคิด ไม่ต้องเชื่อที่พูด ศึกษาดูเอา” (12 ธันวาคม 2553 15:11) เข้ามาให้ความเห็น ดังนี้

หลวงพ่อพุทธทาส เนื่องจากการศึกษาพุทธศาสนานั้น ซับซ้อนเข้าใจยากเพราะพุทธศาสนาแท้นั้นต้อง ไม่มีตัวตน



แต่ทำไมถึงมีตัวตนเกิดขึ้น สำหรับจะไปเกิดเป็นเทวดา พรหม อรูปพรหม เพื่อให้เข้าใจง่ายท่านจึงแยกภาษาออกเป็น 2 แบบ คือ ภาษาคน และภาษาธรรม

1. ภาษาคนก็คือ มีคนเวียนว่ายตายเกิด แบบเข้าโลงออกโลง เป็นแบบที่ยังมีอุปาทานยึดมั่นถือมั่นอยู่ตัวตนอยู่ ให้รู้ว่าอันนี้คือชีวิตที่ไม่จริง จึงมีนรก สวรรค์ เทวดา หรืออะไรๆ ตามที่เราอยากได้ จึงไปเกิดตามนั้น และมีตัวตนอยู่ ย้ำนะครับว่าอันนี้ยังมีตัวตน และเป็นชีวิตปลอมอยู่

2. ภาษาธรรม คือ หยุดกระแสแห่งการเวียนว่ายตายเกิดในชาตินี้ ซึ่งเป็นความรู้สึก อารมณ์ ที่เกิดขึ้นในทุกขณะจิตที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่รู้ต้องกี่รอบเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้านรอบ

ถ้าเราหยุดได้โดยมีสติ คอยสังเกตการกระทบของผัสสะ อายตนะทั้ง 6 คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถ้าควบคุมได้และไม่มีตัวตนเกิดขึ้นเป็นความว่างก็จะมีชีวิตจริง

เพราะฉะนั้นนิพพานนั้นมีอยู่ตามธรรมชาติ เป็นความว่างแต่จริงๆ แล้วมี แต่มันว่างจนถึงขนาดที่ไม่มีเลยก็ว่าได้

ถ้าหยุดได้จริงก็จะเป็นนิพพานจริง และเป็นนิพพานเป็น คือเมื่อยังมีชีวิตอยู่ เป็นนิพพานตายเมื่อดับขันธ์แล้ว

ให้เปรียบเทียบกันระหว่างชีวิตจริงกับชีวิตปลอมแบบนี้ ก็จะหมดปัญหาการมีตัวตนหรือไม่มีตัวตน

ถ้าพุทธแท้จะไม่มีตัวตน เป็นสุญญตาหรือความว่าง

ท่านพุทธทาสท่านมักจะพูดเสมอว่า นรก สวรรค์ เป็นเรื่องเอามาพิสูจน์ตรงนี้ไม่ได้ และไม่ใช่เป้าหมายที่เราจะไปแบบนั้น และนิพพานเป็นเรื่องตรงข้าม

เพราะถ้าพูดก็เป็นอันว่ายังมีตัวตนอยู่ มีตัวตนอย่างดีก็ยังเป็นทุกข์ เป็นเทวดา เป็นพรหม เป็นอะไรก็ยังเป็นทุกข์ เพราะยังต้องมีการดิ้นรนให้ได้มาอยู่

ถ้าจะถึงที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ ต้องทางนี้ทางเดียวเท่านั้น และสามารถรู้ด้วยจิตด้วยใจ ไม่ต้องมีญาณอะไรที่มันมากจนเกินไป

บ้างคนศึกษาจนบ้า หรือตายไปก็มี ถ้าศาสนาพุทธแล้วศึกษาต้องไม่บ้า ต้องไม่ตาย สามารถดับทุกข์ได้จริง

จะเห็นได้ว่าสมัยพุทธกาลมีคนฟังธรรมอย่างเดียวก็สามารถบรรลุได้

ให้สังเกตอย่างนี้แล้วไม่ต้องมีปัญหาอีกว่ามีตัวตนหรือไม่มีตัวตน

นิพพาน นั้นเป็นอันตกาลไม่เนื่องด้วยเวลา ไม่มีการเกิด ไม่มีการดับและไม่มีอะไรๆ มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ เป็นนิพพานธาตุ ถึงขนาดที่ว่าธาตุนั้นว่างไปก็ได้ เพราะมันว่างหมด ไม่มีการสร้างนิพพานขึ้น

สิ่งต่างๆ ที่ทำให้ศาสนาเสื่อมที่เกิดขึ้นมาเป็นเพียงโคลนที่เพิ่งติดล้อในระหว่างที่ล้อธรรมจักรนั้นกำลังหมุนไปเท่านั้น

เราต้องเข้าถึงแก่น ศึกษาและอ่านให้ดี พยายามทำความเข้าใจ ก็จะสามารถเข้าถึงแก่นของพุทธแท้ และได้รับประโยชน์ที่ควรจะได้รับ

ผมได้ตอบความเห็นไปดังนี้ (12 ธันวาคม 2553 21:21)

เรียน คุณเสนอแนวคิด ไม่ต้องเชื่อที่พูด ศึกษาดูเอา [IP: 202.29.62.252]

ผมบอกคุณเสนอแนวคิด ไม่ต้องเชื่อที่พูด ศึกษาดูเอา เลยว่า ผมเป็นนักภาษาศาสตร์ ทางด้านภาษาศาสตร์นั้น พุทธทาสไม่ได้ติดฝุ่นผมหรอก นี่ไม่ได้ดูถูก แต่เอาความจริงมาพูดกัน

พุทธทาสท่านเชื่อปรัชญากับ วิทยาศาสตร์ตะวันตก ท่านเขียนไว้เองเลย และพระนักวิชาการในยุคนั้น ก็เชื่อวิทยาศาสตร์กันเป็นส่วนใหญ่ พุทธทาสท่านเป็นพุทธวิชาการนะครับ ไม่ใช่พุทธปฏิบัติธรรม

เอาหลักฐานที่คุณเขียนมาเองก็ได้ คุณเขียนว่า

ท่าน พุทธทาสท่านมักจะพูดเสมอว่านรก สวรรค์ เป็นเรื่องเอามาพิสูจน์ตรงนี้ไม่ได้ และไม่ใช่เป้าหมายที่เราจะไปแบบนั้น และนิพพานเป็นเรื่องตรงข้าม

เพราะถ้าพูดก็เป็นอันว่า ยังมีตัวตนอยู่ มีตัวตนอย่างดีก็ยังเป็นทุกข์ เป็นเทวดา เป็นพรหม เป็นอะไรก็ยังเป็นทุกข์ เพราะยังต้องมีการดิ้นรนให้ได้มาอยู่

ถ้าจะถึงที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ ต้องทางนี้ทางเดียวเท่านั้น และสามารถรู้ด้วยจิตด้วยใจ ไม่ต้องมีญาณอะไร ที่มันมากจนเกินไป

บ้างคนศึกษาจนบ้า หรือตายไปก็มี ถ้าศาสนาพุทธแล้วศึกษาต้องไม่บ้า ต้องไม่ตาย สามารถดับทุกข์ได้จริง

จะเห็นได้ว่าสมัยพุทธกาลมีคนฟังธรรมอย่างเดียวก็สามารถบรรลุได้

นั่นก็แสดงให้เห็นว่า พุทธทาสท่านเชื่อปรัชญากับวิทยาศาสตร์ ท่านเห็นการปฏิบัติสมถกรรมฐานกับวิปัสสนากรรมฐานเป็นการปฏิบัติที่เคร่งสุด กู่เกินไป ก็เพราะท่านไม่เชื่อ

คำที่ว่า "จะเห็นได้ว่าสมัยพุทธกาลมีคนฟังธรรมอย่างเดียวก็สามารถบรรลุได้" ก็แสดงให้เห็นว่า พุทธทาสไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิด เชื่อว่า เกิดชาติเดียวตามวิทยาศาสตร์ ท่านจึงไม่เชื่อเรื่องบารมี 30 ทัศไปด้วย

การที่บุคคลในสมัยพุทธกาลฟังธรรมอย่างเดียวก็สามารถบรรลุพระอรหันต์ได้เป็นเพราะบารมี 30 ทัศเต็มแล้ว

บุคคลกลุ่มนี้อธิฐานบายบารมีขอเป็นพระอรหันต์สาวก จึงต้องรอพระพุทธเจ้าสอนจึงจะบรรลุพระอรหันต์ได้ แต่ถ้าอธิฐานบารมีเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านก็จะบรรลุด้วยตนเอง

ขอร้องนิดหนึ่ง

อย่าเอาคำสอนของท่าน พุทธทาสมาวิพากษ์วิจารณ์เลย เพราะ ท่านไม่ใช่พุทธปฏิบัติธรรม ท่านเป็นพระนักวิชาการ มันไม่เกี่ยวกับบทความที่ผมเขียนไปนี่เลย

คุณเสนอแนวคิด ไม่ต้องเชื่อที่พูด ศึกษาดูเอา จะเชื่อท่านพุทธทาสก็เชื่อไปเถอะครับ อย่าเอามาเขียนในบันทึกผมเลย เดี๋ยวผมก็จะวิพากษ์วิจารณ์ท่านเข้าไปอีก

ท่านพุทธทาสนี่ เมื่อมรณภาพไปแล้ว อยู่สวรรค์ชั้น 2 ในทางวิชชาธรรมกายเราสามารถตรวจผู้ที่ตายไปแล้วว่า ตอนนี้อยู่ที่ไหน 



17 ความคิดเห็น:

  1. "ผมบอกคุณเสนอแนวคิด ไม่ต้องเชื่อที่พูด ศึกษาดูเอา เลยว่า ผมเป็นนักภาษาศาสตร์ ทางด้านภาษาศาสตร์นั้น พุทธทาสไม่ได้ติดฝุ่นผมหรอก นี่ไม่ได้ดูถูก แต่เอาความจริงมาพูดกัน"

    ถ้าบอกว่าตัวเองเป็นนักภาษาศาสตร์แล้วคิดได้แค่นี้ อย่าออกตัวดี่กว่าครับว่าเก่งโน่นนี่นั่นอายเขานะครับ

    ท่านพุทธทาสท่านไม่เคยออกตัวเลยว่าท่านเหนือกว่าใคร ความเป็นตัวท่านและงานเขียนของท่านเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วครับ ผู้คนทั้งในและต่างประเทศต่างยอมรับท่าน ผิดกับคุณที่บอกว่าจบดอกเตอร์แต่ความคิดและเชาร์ปัญญายังด่อยกว่าลุงผมที่จบแค่ประถมไม่ได้ อีกอย่างการที่จะยกตนข่มท่าน บอกว่าคนนั้นคนนี้ไม่ติดฝุ่นตัวเอง โปรดมองตัวเองก่อนนะว่าตัวเองมีงานเขียนที่เป็นที่ยอมรับอะไรบ้าง มีสักชิ้นไหมที่ได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างแล้วถูกอ้างอิง

    คนเราไม่ต้องอะไรมาก แค่ดูจากวจนะภาษาที่ใช้สื่อความหรือการพูดการวางตัวก็รู้แล้วว่าคนๆ นั้นเป็นคนยังไง สำหรับคนที่มีภูมิธรรมสูง จริยวัตรงาม ไม่ต้องอวดตัวว่าเก่งอย่างโน้นเก่งอย่างนี้ คนอื่นสู้ตัวเองไม่ได้ บอกว่าเอาความจริงมาพูด ความจริงของใครเหรอครับ ของคุณหรือว่าของที่ยอมรับกันเป็นหลักสัจจะธรรมสากล เห็นไปวิพากษ์วิจารณ์เขาไปทั่ว มีแต่บอกว่าคุณคิดถูก ของคนอื่นผิดเพราะไม่ได้คิดเหมือนที่คุณคิดอยู่ร่ำไป

    ผมอ่านวิธีการเขียนของคุณแค่ไม่กี่ประโยค ผมก็รู้แล้วว่าคุณเป็นคนมีนิสัยใจคออย่างไร แล้วไม่คิดเลยหรือว่าคนที่เขาเข้ามาอ่านบล๊อกนี้จะแยกแยะไม่ออกว่าสิ่งที่คุณเขียนเป็นอย่างไร ค้นข้อมูลมาแทนที่จะทำให้ลึกซึ้งในธรรม แต่ดูเหมือนกับว่าคุณไม่เคยได้เรียนรู้อะไรเลยจากสิ่งที่ค้นคว้ามา มีแต่จะอคติพยายามจะหักล้างอย่างเดียว

    ถ้าคนพาลเข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตจนตลอดชีวิต แต่ไม่รู้แจ้งซึ่งธรรม คนพาลนั้น ก็เหมือนทัพพีที่ไม่รู้รสแกง

    ผู้ใดใจฉลาดล้ำ ปัญญา

    ได้สดับปราชญ์เจรจา อาจรู้

    ยินคำบัดเดี๋ยวมา ซับซาบ ใจนา

    คือมลิ้นคนผู้ ทราบรู้รสแกง

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถามจริง แล้วคุณมา "เสือกอ่าน" และ "เสือกให้ความเห็นทำไม"

      คุณไม่ควรจะมาเข้ามาข้องเกี่ยวกับบล็อกของผมเลย.............. ถ้าข้อเขียนของผมไม่ดี.........

      ลบ
    2. จบด๊อกที่ไหนหนอ ภูมิปัญญาถึงต่ำขนาดนี้ คุณอาจได้ปริญญาทางโลกระดับด๊อก แต่แค่อ่านบทความของคุณแล้วไม่รู้ว่าจะเปรียบกับอะไรดี

      ลบ
    3. ก็คุณมันโง่แบบควาย คุณจึงไม่มีระดับปัญญาที่่จะเปรียบเทียบอะไรได้่

      อ่านหนังสืออกได้ชาตินี้ ก็ดีแล้วสำหรับคุณน่ะ

      ลบ
  2. อย่าไปสนใจเลยครับ อ.มนัส สิ่งที่ท่านได้ทำไปด้วยประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรมนั้น ทำไปเถอะครับ ภูมิธรรมแต่ละบุคคลย่อมไม่เหมือนกัน ผมชอบวิธีที่ อ.นำเสนอมากๆครับ

    ตอบลบ
  3. โอ้โฮแล้วธรรมกายเค้าไม่สอนเรื่องการยับยั้งอารมณ์บ้างหรอครับงงเลยกะจะมาหาความรู้แต่ไม่ดีกว่าขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  4. โอ้โฮแล้วธรรมกายเค้าไม่สอนเรื่องการยับยั้งอารมณ์บ้างหรอครับงงเลยกะจะมาหาความรู้แต่ไม่ดีกว่าขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  5. อย่าถกเถียงกันเลย บุคคลที่ควรกล่าวถึงความถูก ความผิด ของบุคคลอื่นนั้น
    ควรเป็นบุคคลที่รู้แจ้งแล้วเท่านั้น บุคคลไม่ควรกล่าวในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จริง คือ อวิชชา
    ไม่ควรกล่าวว่าร้ายบุคคลอื่นโดยตนมิได้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จนถึงแจ้งแก่ตนแล้ว
    บุคคลนั้นอย่าได้กล่าวว่าร้ายถึงบุคคลอื่นเลย

    ตอบลบ
  6. อย่าถกเถียงกันเลย บุคคลที่ควรกล่าวถึงความถูก ความผิด ของบุคคลอื่นนั้น
    ควรเป็นบุคคลที่รู้แจ้งแล้วเท่านั้น บุคคลไม่ควรกล่าวในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จริง คือ อวิชชา
    ไม่ควรกล่าวว่าร้ายบุคคลอื่นโดยตนมิได้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จนถึงแจ้งแก่ตนแล้ว
    บุคคลนั้นอย่าได้กล่าวว่าร้ายถึงบุคคลอื่นเลย

    ตอบลบ
  7. คุณควรไปอยู่ในป่า... อยู่ให้ลึกๆ เลย.........

    หรือรู้ตัวว่า "โง่" ก็อยู่เงียบๆ อย่ามา "เสือก" เรื่องของชาวบ้านดีกว่า

    คุณเขียนอย่างนี้ อยาก "อวด" ว่าเป็นคนดีหรือไง

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ12 พฤษภาคม 2557 เวลา 21:52

    ดร เลอะเทอะ กว้างขว้างแต่ตื้นเขิน

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ11 กรกฎาคม 2557 เวลา 16:39

    จะเชื่อท่านพุทธทาสหรือไม่นั้นไม่สำคัญหรอก อะไรที่นำไปปฏิบัติแล้วดับทุกข์ได้จริง ผมว่าก้โเคนะ ไม่ต้องเสียเวลามานั่งด่ากัน ถ้าคุณเชื่อว่าถูกคุณก็ทำไปเถอะ

    ตอบลบ
  10. คำสอนของพุทธทาสไม่สามารถกำจัดทุกข์ได้จริง ผมยืนยัน

    คุณมีปัญญาโต้แย้งหรือเปล่า.....

    ตอบลบ
  11. ไม่ระบุชื่อ11 สิงหาคม 2557 เวลา 11:21

    เฮ้อ ผมว่าคุณไม่ใช่ธรรมกายแล้วด๊อก..คุณมันสันติอโศกชัดๆ คุณกู่ไม่กลับแล้ว

    ตอบลบ
  12. เข้าใจผิดหรือเปล่า ควายแบบคุณ เข้าไม่เรียก "กู่" หรอก เขาเรียกว่า ร้องด้วยความเจ็บปวดตอนถูกเชือด

    ตอบลบ