คุณเบ็นจี้นี่ เข้าข่ายเจ็บแล้วไม่รู้จักจำ ยังจะเขามาให้ความเห็นอีก
ดังนี้ (Benji2007 [IP: 203.107.236.92]
10 พฤษภาคม 2554 16:43)
เรียน...คุณดอกเตอร์ ...บัวเหล่าที่ 4 ...ปทปรมะ
ดิฉันรบกวนคุณช่วยรวบรวมบทความของคุณไปทำเป็นหนังสือหน่อยสิค่ะ
เพราะคุณบอกว่า เขียนบันทึกในบล็อกนี้ไป ถ้ารวบรวมเป็นหนังสือก็หลายเล่มแล้ว
ดิฉันอยากจะรู้ว่าจะมีคนสนใจซื้อไปอ่านซักเล่มหรือไม่
....ถ้าเก่งจริงลองเขียนหนังสือเกี่ยวกับธรรมะซักเล่มก็ดีนะคะ .
....อยากรู้เหมือนกันจะเก่งเท่านักเขียนคนอื่นๆ เขาหรือเปล่า
หรือจะเก่งแค่เขียนด่าคนอื่นทางบล็อกนี้อย่างเดียว
อ้อคุณดอกเตอร์ภาษาศาสตร์ ยังไม่เห็นตอบอีก 1 ข้อเลยค่ะ
ว่าจะไปเรียนปริญญาเอกทางด้านพระพุทธศาสนาอีกใบเมื่อไหร่คะ
เพราะถ้าไม่จบศาสตร์นี้มา ก็ไม่ต้องมาสอนธรรมะแบบมั่วๆ
ให้ดิฉันและคนอื่นๆฟังหรอกค่ะ .ไม่อยากรับฟัง เพราะคงไม่ใช่ผู้รู้จริง
และขอให้คุณแสดงความเขลา ไร้ปัญญา และอหังการ ออกมาเยอะๆ นะคะ
...คนอื่นเขาจะได้ทราบคะ...และต่อไปดิฉันคิดว่าคงจะไม่เข้าไปตอบและอ่านบล็อกของคุณอีกเพราะเสียเวลา
ไร้สาระที่จะทะเลาะกับคนไร้สติ และไม่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของดิฉันค่ะ
ละฝากให้อ่านเล่นๆนะคะ ...สำหรับคุณดอกเตอร์บัวเหล่าที่ 4
...มืดมา...มืดไป
บุคคลสี่จำพวก
สว่าง.......เบิกบานจิตพร้อม.....วิชชา
มา............พึ่งพระปัญญา.....แนบเกล้า
สว่าง........ว่างเหตุปัจจยา....ใน-นอก พิสุทธิ์
ไป............ปราศทุกข์รอนร้าว.....จบสิ้น สังสาร....
มืด............แบกทุกข์ท่วมท้น.....อาตมัน
มา............ผ่านกี่กัปกัลป์.....ล่วงแล้ว
สว่าง.......ณ ปัจจุปปัน.....สัมปชัญโญ
ไป............สู่ที่ เพริศแพร้ว.....แจ่มแจ้ง ปัญญา....
สว่าง.......จวนดีเลิศแล้ว.....มานมน
มา............จ่อมจมธราดล.....โลกหล้า
มืด...........มิอาจ ยินยล.....สำเนียง เสียงธรรม
ไป...........ใฝ่ต่ำไขว่คว้า.....แทะทึ้ง โลกีย์...
มืด............ หมกมุ่นหม่นไหม้.....อวิชชา
มา............ อุปกิเลส มา.....ปิดไว้
มืด............ จิตอัปภัสรา.....ขันธา ทุกโข
ไป............ สู่ทุกข์คติไซร้.....เร่าร้อน รานตน...
ตามนัยอรรถกถา ได้อธิบายบุคคล 4 ในปุคคลวรรค พระไตรปิฏก
ปนกับอุปมาเปรียบบุคคลด้วยดอกบัว 3 เหล่าใน มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [6]
โดยลงความเห็นว่าบุคคล 4 ที่พระพุทธองค์ตรัสในปุคคลวรรค เปรียบกับดอกบัว 3 เหล่า
(โดยเพิ่มบัวเหล่าที่ 4 เข้าไปในบุคคล 4 ในปุคคลวรรค) ดังนี้
บุคคล ๔ จำพวก คือ อุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู เนยย ปทปรมะ
ก็เปรียบเหมือนดอกบัว ๔ เหล่านั้นแล. ในบุคคล ๔ จำพวกนั้น
บุคคลที่ตรัสรู้ธรรมพร้อมกับเวลาที่ท่านยกขึ้นแสดง ชื่ออุคฆฏิตัญญู.
บุคคลที่ตรัสรู้ธรรมเมื่อท่านแจกความแห่งคำย่อโดยพิสดาร ชื่อว่าวิปจิตัญญู.
บุคคลที่ตรัสรู้ธรรมโดยลำดับด้วยความพากเพียรท่องจำ ด้วยการไต่ถาม
ด้วยทำไว้ในใจโดยแบบคาย ด้วยคบหาสมาคมกับกัลยาณมิตร ชื่อว่าเนยย.
บุคคลที่ไม่ตรัสรู้ธรรมได้ในชาตินั้น แม้เรียนมาก ทรงไว้มาก สอนเขามาก ชื่อว่าปทปรมะ....
ในอรรถกถา ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปทานสูตร ธมฺมเทสนาธิฏฺฐานวณฺณนา
ความหมายของบัวสี่เหล่าตามนัยอรรถกถา
1.( อุคคฏิตัญญู ) พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ
เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้ และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว
เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที
2.( วิปจิตัญญู ) พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ
เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม
จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า
เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป
3.( เนยยะ ) พวกที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ
เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ
มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอบด้วยศรัทธา ปสาทะ
ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ
ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง
4.( ปทปรมะ ) พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ
แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ
ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม
ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน
ลาละค่ะ
...เพราะถึงใครจะสอนยังงัย..คุณดอกเตอร์ปทปรมะ..ก็คงไม่สามารถตรัสรู้ธรรมได้ในชาตินี้ได้อย่างแน่นอน
แม้จะเรียนมาก รู้มาก( มิจฉาทิฐฐิ )ก็ตามค่ะ
|
ผมตอบไปดังนี้
(10 พฤษภาคม 2554 17:48)
อุ๊ยตาย ว้ายกรี๊ด เหยื่อมาอีกแล้ว หาทางลงไม่ถูกแล้ว
จะเข้ามาหาเรื่องให้เจ็บใจทำไม ไม่มีงานทำหรือไง ... คุณ Benji2007 [IP: 203.107.236.92]
คนอ่านเขารู้กันแล้วว่า คุณไปไม่เป็นแล้ว
เข้าทีแรกคุยโอ้อวดจบปริญญาเอก
วิพากษ์วิจารณ์ผมเสียๆ หายๆ คุณน่ะโง่สุดๆ
ที่ไม่อ่านให้ครบเสียก่อน แล้วค่อยวิพากษ์วิจารณ์
โดนวิพากษ์เข้าไปบ้าง เสียงอ่อนลง เสียงอ่อนลง จนแทบจะไม่ได้ยิน ออกทะเลกู่ไม่กลับไปแล้ว
บอกให้รู้ไว้ซะด้วย ฉายาของผมนะ "ฉลาดเป็นกรด-เอาจริง-เล่ห์เหลี่ยมสูง-ขี้เล่น" ความหล่อไม่ต้องพูดถึง คืนพ่อแม่ไปหมดแล้ว
จำไว้ว่า ถ้าคุณจะวิพากษ์วิจารณ์ใคร
ศึกษาให้ลึกๆ เมื่อคุณมั่นใจในองค์ความรู้ของคุณแล้ว ค่อยเขียน และเขียนอย่างมั่นใจ
ไม่ใช่ "จ่ายครบ จบแน่"
ก็หาที่ป่าวประกาศ ชั้นจบปริญญาแล้วนะ
ไม่กล้าบอกชื่อ แล้วคุณจะบอกเขาทำไมว่าจบปริญญาเอก
งานฉลองปริญญาเอกคุณ คงมีหนัง มีลิเกฉลองแน่ๆ
เลย อยากอวด Ego ไปอวดที่อื่น
ที่นี่ของจริงตัวจริง
แล้วอย่าแสดงความโง่ด้วยข้อความนี้ อ้อคุณดอกเตอร์ภาษาศาสตร์
ยังไม่เห็นตอบอีก 1 ข้อเลยค่ะ
ว่าจะไปเรียนปริญญาเอกทางด้านพระพุทธศาสนาอีกใบเมื่อไหร่คะ
นี่แสดงความโง่ของคุณอย่างชัดเจน ผมจบปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (สหวิทยาการ)
จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เรียนปริญญาเอกโดยทุนของ
โครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) รุ่นที่ 4 สถานที่เรียนที่ประเทศอังกฤษคือ University of Leeds
ผมเรียนปริญญาเอกทีเดียว 2 ประเทศ
ผมไม่ต้องไปเรียนปริญญาเอกทางด้านพระพุทธศาสนาแบบโง่ๆ
ที่คุณแนะนำหรอก
ผมอยากจะรู้ทางสาขาใดในทางสังคมศาสตร์ ผมก็ศึกษาและทำวิจัยเอาก็เพียงพอแล้ว
ความคิดโง่ๆ ของคุณนั้น
เอาไว้แนะนะญาติพี่น้องของคุณเถอะ
อีกซักข้อ
เพราะถ้าไม่จบศาสตร์นี้มาก็ไม่ต้องมาสอนธรรมะแบบมั่วๆ
ให้ดิฉันและคนอื่นๆ ฟังหรอกค่ะ .ไม่อยากรับฟัง เพราะคงไม่ใช่ผู้รู้จริง
คุณนี่โง่ตัวแม่เลย คุณไม่อยากรู้
แล้วคุณมาอ่านมาเขียนในบล็อกของผมทำไม..ผมถึงว่า "คุณไปไม่เป็นไง"
ถ้าผมพิมพ์หนังสือขายเมื่อไหร่ รับรองข้อความของคุณอยู่ในหนังสือของผมแน่
ตั้งแต่นั้นมา
คุณเบ็นจี้ก็ไม่เคยเข้ามาให้ความเห็นอีกเลย…